ภาษีความหวาน ผลักธุรกิจเครื่องดื่มแห่ปรับเพิ่มราคา

ภาษีความหวาน ผลักธุรกิจเครื่องดื่มแห่ปรับเพิ่มราคา

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาน้ำตาลและสารให้ความหวานมักถูกเติมลงในขนมและไอศกรีมเพื่อให้มีความหวานมากขึ้น การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวานมากเกินไปเป็นอันตรายต่อสุขภาพตั้งแต่หัวจรดเท้า เสี่ยงเกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ไปจนถึงฟันผุเหงือกอักเสบ เป็นเหตุให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีความหวานกับธุรกิจเหล่านี้ช่วยให้คนทุกเพศวัยลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงส่งผลเสียต่อร่างกาย 

การเปลี่ยนจากน้ำตาลมาเป็นสารให้ความหวานเพื่อให้อาหารและเครื่องดื่มแบบบรรจุกล่องและขวดมีรสหวานถือเป็นเรื่องปกติมาก โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เช่น จีน อินเดีย แต่กลับลดลงในประเทศที่มีรายได้สูง เช่น ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา สาเหตุจากพฤติกรรมการบริโภคนี้เองทำให้ผู้ป่วยโรคเหล่านี้มีมากขึ้นและเกิดกับคนอายุน้อยลง ในส่วนของคนไทยเองบริโภคน้ำตาลมากถึง 20 ช้อนชาต่อวัน ถือว่าสูงมากจากเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดที่ 6 ช้อนชาเท่านั้น ส่งผลให้คนไทยหลายล้านคนป่วยเป็นโรคเบาหวานและโรคอื่นๆ ที่กระทบต่อสุขภาพต้องรักษาไปตลอดชีวิต

ด้วยเหตุนี้ กรมสรรพสามิตของไทยพยายามแก้ปัญหาด้วยการจัดเก็บภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาล ใน พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นมาตรการภาษีที่ช่วยสร้างสุขภาพที่ดีให้คนไทยและกำลังจะเดินหน้าเข้าสู่ระยะที่ 3 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 จนถึง 31 มีนาคม 2568 มีอัตราภาษีเพิ่มขึ้นและจะมีการปรับขึ้นเป็นอัตราก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ทุก 2 ปี สำหรับรายละเอียดของการปรับเพิ่มภาษีมีผลกระทบต่อธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มไม่ใช่น้อย มาติดตามรายละเอียดกันเลย

ปริมาณน้ำตาล 0-6 กรัม คิดอัตราภาษี 0 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 0 บาทต่อลิตร

ปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม คิดอัตราภาษี 0.3 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 0.1 บาทต่อลิตร

ปริมาณน้ำตาล 8-10 กรัม คิดอัตราภาษี 1 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 0.3 บาทต่อลิตร

ปริมาณน้ำตาล 10-14 กรัม คิดอัตราภาษี 3 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 1 บาทต่อลิตร

ปริมาณน้ำตาล 14-18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 3 บาทต่อลิตร

ปริมาณน้ำตาล ตั้งแต่ 18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 5 บาทต่อลิตร

หลังการปรับเพิ่มภาษีความหวาน ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มย่อมต้องได้รับผลกระทบไม่น้อย จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อไม่ให้เสียภาษีเพิ่ม แม้ว่าเครื่องดื่มน้ำตาลน้อยกำลังมีมากขึ้น แต่ก็มีผู้ผลิตรายใดที่ลดปริมาณน้ำตาลลงไม่ได้และมีภาระภาษีเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องดื่มที่มีสารความหวาน 14-18 กรัมต่อลิตร จะเสียภาษีเพิ่มจาก 3 บาท เป็น 5 บาทต่อลิตร 

ในเมื่อคนไทยปรับพฤติกรรมการกินไม่ได้ เคยชินกับเครื่องรสหวานจัด  ดื่มเวลาอากาศร้อนแล้วเย็นชื่นใจ ธุรกิจเครื่องดื่มที่แบกรับภาษีความหวานไม่ไหวย่อมต้องผลักภาระมาที่ผู้บริโภคตามเคย หลายรายประกาศปรับราคาเครื่องดื่มสำเร็จรูปหลายเมนู ด้วยเหตุผลเรื่องราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและสาเหตุจากภาษีความหวานด้วยนั่นเอง

ชวนอ่าน “เพชรพระอุมา” สุดยอดวรรณกรรมประจำชาติ

ชวนอ่าน “เพชรพระอุมา” สุดยอดวรรณกรรมประจำชาติ

สำหรับคอหนังสือสายวรรณกรรม นวนิยาย คงไม่ต้องแนะนำอะไรกันมากมาย สำหรับ “เพชรพระอุมา” สุดยอดนวนิยายเรื่องยาว แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยสัมผัสก็ต้องบอกว่า “อย่าทำเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตนักอ่านเลย” หากจะยังคงเพิกเฉยกับหนังสือคู่บ้าน วรรณกรรมคู่เมืองเรื่องนี้

เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่ประพันธ์โดย คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ เจ้าของนามปากกา พนมเทียน ซึ่งได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2540 เป็นนวนิยายที่ใช้เวลาเขียนยาวที่สุด เนื้อหาของเรื่องก็ยาวที่สุด อาจที่สุดในบรรดานวนิยายที่เขียนกันมาแล้วในประเทศไทย แต่ถึงยาวนาน มากมายขนาดนี้ ก็ยังมีผู้หลงใหลตามอ่าน ทุกยุคทุกสมัย เสมือนเป็นนวนิยายที่กาลเวลามิอาจทำอะไรได้

ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ พนมเทียน เริ่มเขียนเพชรพระอุมา เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2507 จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2533 จบบริบูรณ์ 2 ภาค 48 เล่ม (ภาคละ 24 เล่ม) เนื้อหามี 12 ตอน (ภาคละ 6 ตอน) นั่นหมายความว่าเขาใช้เวลาเขียนทั้ง 25 ปี 7 เดือน 

โดยเนื้อหาย่อ ๆ แบบภาพรวมพล๊อตของนวนิยายเรื่องเพชรพระอุมา ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาด ตรงกันข้ามมันเต็มไปด้วยพล๊อตทั่ว ๆ ไปแบบนิยายน้ำเน่า ประโลมโลก

พระเอกเป็นคนต่ำศักดิ์ แต่นางเอกเป็นหญิงผู้สูงศักดิ์ พระเอกเป็นสุภาพบุรุษ ยากไร้ แต่คนดี หยิ่ง ทะนงในความดี เจอนางเอกแรก ๆ ไม่ถูกกัน ทะเลาะกัน ไป ๆ มา ๆ เห็นอกเห็นใจกัน หยั่งซึ้งในความดีกันและกันจนกลายเป็นความรัก หรือเรื่องราวสุดคลาสสิกประเภทลูกกษัตริย์ตกอับ ปลอมตัวมาเป็นคนใช้เพื่อไปกอบกู้บัลลังก์ รวมทั้งประเภทชาติที่แล้วเป็นเจ้าชายเจ้าหญิง แต่ประสบชะตากรรม ต้องเกิดมาชดใช้เวรกรรมในชาติปัจจุบันก่อน จึงจะได้ครองคู่กัน

แต่สิ่งที่ทำให้ เพชรพระอุมา แตกต่างและโดดเด่น ก็คือ อัจฉริยภาพของผู้ประพันธ์ในการดำเนินเรื่อง การผูกปมปัญหา การแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ รอยรัดเรื่องราว และสร้างตัวละครที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ น่าสนใจทุกตัวละคร

รพินทร์ ไพรวัลย์ จอมพรานผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ช่ำชองในวิชาพราน มีคุณธรรม เป็นสุภาพบุรุษ แม้อดีตจะประสบชะตากรรมชีวิตทั้งด้านการงานและความรัก คุณหญิงดาริน แพทย์หญิงนักแม่นปืน ผู้เลอโฉม เย่อหยิ่งเอาแต่ใจ หากแต่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอารีต่อเพื่อนมนุษย์ แงซาย จอมจักรา บุรุษผู้งามผู้ลึกลับที่แท้จริงคือองค์รัชทายาทแห่งมรกตนคร ปลอมตัวมาเป็นคนใช้ชาวดงเพื่อหาทางกลับไปทวงราชบัลลังก์ ตาเฒ่าบุญคำ แห่งเขาอึมครึม พรานอาชีพสมุนมือขวาของรพินทร์ ผู้มากไปด้วยไสยเวท และเป็นตัวปล่อยมุขฮา ๆ ประจำเรื่อง คุณชายเชษฐา อดีตทูตทหารบกผู้เป็นพี่ใหญ่ของคณะ ผู้เต็มไปด้วยสุขุม คัมภีรภาพ พันตรีไชยยันต์ อดีตนายทหารปืนใหญ่ ผู้รักเพื่อนยิ่งชีพ บุรุษที่ปากตรงกับใจเสมอ ไอ้กุด เสือกินคน ไอ้แหว่ง ช้างเกเรที่ฉลาดเท่ามนุษย์ งูยักษ์คู่ ที่ลำตัวใหญ่เท่ารถไฟ ฯลฯ มีทุกรสชาติบรรจุอยู่ในเนื้อหาของนวนิยายเรื่องนี้

ใครที่ได้เปิด เพชรพระอุมา อ่านแล้ว ทุกคนจะมีอาการเหมือนกัน ก็คือ “วางไม่ลง”

ไม่เชื่อต้องลองดู ลองหยิบ เพชรพระอุมา ขึ้นมาอ่าน เล่มไหนก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ท่านจะได้เผชิญสถานการณ์ของการ “วางไม่ลง” จากนั้นก็ไปตามหาเล่มอื่น ๆ มาหาจนครบอย่างแน่นอน

4 ข้อดีของการมีต้นไม้บนโต๊ะทำงาน ที่มากกว่าความสดชื่น สวยงาม

4 ข้อดีของการมีต้นไม้บนโต๊ะทำงาน ที่มากกว่าความสดชื่น สวยงาม

มนุษย์เงินเดือนและคนที่ต้องทำงานหน้าจอตลอดเป็นเวลานาน ๆ ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเอกสาร หนังสือและการจดบันทึกนัดหมายต่าง ๆ คงเครียดไม่น้อย แต่จะหลีกเลี่ยงอย่างไรเมื่อหน้าที่ความรับผิดชอบเหล่านั้นคือปากท้อง ทางออกที่ดีคือการสร้างบรรยากาศให้หน้าอยู่ ซึ่งต้นไม้นี้เองจะเป็นตัวช่วยที่ดี เป็นทั้งมุมพักสายตา เพิ่มพลังบวก ซึ่งก็มีมีข้อดีอีกมากมายที่ตามมาเมื่อมีต้นไม้สักต้นวางไว้โต๊ะคอม 

  1. มอบอากาศบริสุทธิ์ ถือเป็นข้อดีที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเลือกต้นไม้มาวางไว้หน้าจอคอมและก็น่าทึ่งไม่น้อย เมื่อต้นไม้ไซส์จิ๋วจะช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์และดูดซับสารพิษ ซึ่งต้นไม้ชนิดที่พูดถึงได้แก่
  • ลิ้นมังกร เป็นต้นไม้ที่ดูแลไม่ยากและเหมาะปลูกในร่ม
  • เขียวหมื่นปี ทนต่ออากาศแห้งและปลูกในที่ร่มได้ เพราะไม่ชอบแดดจ้ามาก
  • พลูด่าง เป็นต้นที่ปลูกลงดินและใสกระถ่างรากแช่น้ำได้
  • เศรษฐีเรือนใน ดูแลง่ายและเหมาะแก่การปลูกในอาคารหรือที่ร่ม
  1. ทำให้ผ่อนคลายอารมณ์ความเครียด ตามหลักวิทยาศาสตร์การจ้องมองสีเขียวช่วยให้ผ่อนคลายและเป็นการพักสายตาและถนอมดวงตา การเลือกปลูกต้นไม้ไว้หน้าจอคอมพิวเตอร์จึงเป็นผลดี 
  2. เสริมสิริมงคล สร้างพลังบวก นอกจากเรื่องของวิทยาศาสตร์แล้ว อีกศาสตร์ที่คนให้ความสนใจมากก็คือสายมูเตลู เป็นเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับการส่งเสริมเรื่องความเป็นมงคล ซึ่งก็มีต้นไม้หลากหลายชนิดที่ตรงตามจุดประสงค์ของข้อนี้ มีสายพันธุ์ของต้นไม้ดังนี้ 
  • กระบองเพชร ต้นไม้ยอดนิยมเพราะดูแลง่ายและส่งเสริมในเรื่องของโชคลาภ เงินทองนำพาความมั่นคั่งมาให้แก่ผู้ปลูก
  • ต้นรวยไม่เลิก แค่ชื่อก็เป็นมงคลแล้ว แน่นอนว่าหากปลูกแล้วจะส่งเสริมในเรื่องการเงินให้เด่น 
  • ลิ้นมังกรแคระ เป็นต้นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันและในเรื่องความเชื่อของสายมูเตลู เชื่อว่าทำให้ชีวิตและครอบครัวพบเจอแต่ความสุข ขับไล่สิ่งอัปมงคลให้ไกลออกไป 
  1. ดูดรังสีอันตรายจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ลดลง ต้นที่จะมาทำหน้าที่นี้ก็คือต้นกระบองเพชร เพราะด้วยเป็นต้นไม้ขนาดเล็กสายพันธุ์ที่เติบโตได้ด้วยแสง จึงจะเติบโตได้นั้นเอง จึงไม่แปลกหากพบเหนต้นไม้ชนิดนี้เยอะกว่าใครเพื่อน 

เมื่อทราบแบบนี้แล้วลองไปหาต้นไม้ไซส์จิ๋วชนิดที่เรากล่าวมาวางไว้บนโต๊ะทำงานกันเถอะ ไม่เพียงให้ความสวยงาม สดชื่นเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีในเรื่องของการเสริมมงคล ลดความเครียดและที่น่าสนใจมาก ๆ คือลดรังสีอันตรายและฟอกอากาศให้บริสุทธิ์นั้นเอง

วิธีดูแลผู้สูงวัยให้อิ่มสุข

วิธีดูแลผู้สูงวัยให้อิ่มสุข

ผู้สูงวัย คือผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นช่วงชีวิตสุดท้ายที่ต้องให้การดูแลเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อสภาพร่างกาย จิตใจที่ถดถอย และโรคภัยที่พร้อมมาเยือน การดูแลผู้สูงวัยจึงเป็นเรื่องที่ลูกหลานจำเป็นต้องใส่ใจ เรียนรู้ ด้วยความเข้าใจและจัดการให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของคนในวัยนี้ เรามี 5 วิธีดูแลมาฝากกัน

5 วิธีดูแลผู้สูงอายุ

อาหาร ในช่วงวัยนี้มีการใช้พลังงานน้อยลง ต้องการพลังงานประมาณ 1,400-1,800 กิโลแคลอรีต่อวัน ควรรับประทานอาหารที่เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ มวลกระดูก บำรุงสมอง และระบบประสาท มีส่วนลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน กากใยสูง ย่อยง่ายดีต่อระบบขับถ่าย ป้องกันอัลไซเมอร์ รับประทานให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีโปรตีน (ไขมันต่ำ) แคลเซียม วิตามินดี เค และแมกนีเซียม ตัวอย่างอาหาร เช่น กลุ่มผักสีเขียวเข้ม, ปลาเล็กปลาน้อย, นม, ธัญพืชต่าง ๆ อาหารที่อุดมด้วยกรดโอเมก้า 3 ที่มีสารสื่อประสาทโคลิน เลซิติน และวิตามินบีต่าง ๆ ได้แก่ บี1 บี6 และบี 12 ซึ่งพบใน ปลาทะเลน้ำลึก ไข่แดง กล้วย ถั่ววอลนัท ผักโขม ดอกกะหล่ำ ใบแปะก๊วย ถั่วเหลือง และข้าวกล้อง เป็นต้น

ออกกำลังกาย กระตุ้นการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง และโลหิต ขับเหงื่อระบายของเสีย ด้วยการแอโรบิกเบา ๆ ลดแรงกระแทก ทำเป็นประจำต่อเนื่อง เช่น เดินเร็ววันละ 30 นาที, แกว่งแขน, ว่ายน้ำ เป็นต้น พาไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ หรือในสถานที่ที่โอโซนสูง เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์เป็นระยะ ๆ

การนอนหลับ จัดการให้ท่านนอนหลับสนิทในตอนกลางคืนไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง และหาโอกาสงีบหลับช่วงกลางวัน 15-30 นาที หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน งดการเสพสื่อที่กระตุ้นสมองก่อนเข้านอน และไม่ควรเข้านอนเกิน 21.00 น.

อารมณ์ เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่เสี่ยงกับความรู้สึกเหงา ว้าเหว่ และด้อยค่าในตัวเองเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ควรปรุงอารมณ์ดีมีความสุขด้วยกิจกรรมที่ชอบ อากาศที่ดี สิ่งแวดล้อมเชิงบวก เช่น เข้าถึงดนตรีสร้างความสงบ, ชมภาพยนตร์, อ่านหนังสือเล่มโปรด, ทำงานฝีมือ, พาไปเที่ยวสถานที่โปรด ฯลฯ หลีกเลี่ยงการเสพสื่อ และคบหากับคนที่มีทัศนคติลบ, เลี่ยงสภาวะกระตุ้นความเครียด เช่น ที่แออัด อากาศร้อน อบอ้าว เสียงดัง ผู้คนพลุกพล่าน

อาทรห่วงใยให้ความสำคัญ ให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เช่น การแต่งบ้าน, ซื้อของใช้ในบ้าน ฯลฯ มอบหมายภารกิจ เช่น เล่านิทาน, ดูแลต้นไม้,คิดเมนูอาหาร ฯลฯ พาไปร่วมกิจกรรมสังคม และการพาไปพบญาติ หรือเพื่อนสนิทเป็นระยะ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยน เล่าความหลังที่มีความสุขร่วมกันช่วยกระตุ้นการหลั่งของสารสุขได้เป็นอย่างดี

หากพิจารณาความต้องการของผู้สูงวัย และการปฏิบัติดูแลก็ไม่ต่างจากช่วงวัยที่ท่านดูแลลูกหลานในวัยเยาว์ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องการสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแรง ปกป้องให้ห่างไกลโรคภัย ต้องให้เวลาทะนุถนอมดูแลสร้างความอบอุ่นทางใจ นี่จึงเป็นช่วงเวลาแสดงความกตัญญูที่ลูกหลานไม่ควรละเลย

9 เทคนิคแก้ง่วงขณะขับรถ

9 เทคนิคแก้ง่วงขณะขับรถ

ริมถนนสายยาวๆทั่วไทยขึ้นป้ายระบุคำว่า “ง่วงจอดนอน, ง่วงไม่ขับ ฯลฯ” บ่งบอกว่า การขับรถทางตรงระยะไกลต่อเนื่องนาน ๆ มีอิทธิพลให้เกิดความง่วงขณะขับขี่ได้มาก การจราจรติดขัดก็เป็นอีกหนึ่งต้นเหตุสำคัญ เพราะร่างกายเคลื่อนไหวน้อย สมองไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ต้องใช้การตัดสินใจบ่อย ๆ และบางครั้งก็อาจอยู่ในบรรยากาศที่ส่งเสริมให้อาการง่วงกำเริบ เรามาเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหานี้ด้วย 9 เทคนิคแก้ง่วง ดังนี้

นอนให้พอ นอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เตรียมพร้อมสำหรับการเข้านอนเพื่อให้หลับสนิทตื่นเช้าสดชื่น สมองสั่งการได้เต็มที่

หาของขบเคี้ยว (ไม่อ้วน) ติดรถ ของขบเคี้ยวอาจเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว หมากฝรั่ง เป็นต้น การเคี้ยวจะบังคับให้สมองสั่งการให้ปฏิบัติการหยิบ เคี้ยว กลืน สัมผัสรส เป็นการปลุกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

ดื่มน้ำเปล่า เตรียมน้ำติดรถไว้เสมอ จิบน้ำเป็นระยะระหว่างการขับขี่ คลายเกลียวฝาขวดไว้ก่อนสตาร์ทรถ เพื่อให้สะดวกในการเปิดดื่มได้ด้วยมือเดียว น้ำเปล่าจะดึงความสดชื่นเข้าสู่ร่างกาย

โทรฯ หาใครสักคน เตรียมพร้อมหูฟัง แล้วยกหูหาใครสักคน เพื่อถาม หรือปรึกษา ทำให้เกิดการสนทนาสั้น ๆ การได้คิดได้แสดงอารมณ์กระตุ้นสมองให้ออกกำลังกาย

ออกกำลังกาย เช่น มีลูกบอลนวดมือ ใช้ขยำเป็นระยะขณะขับขี่, ยางยืด(ใช้ช่วงรถติด) ไว้ยืดแขน บ่า ไหล่, ท่าเขย่งส้นเท้า (ตอนติดไฟแดง) วางปลายสองข้างบนพื้นแล้วยกส้นขึ้น-ลง ทำต่อเนื่องเท่าที่ทำได้เป็นการบริหารน่องสวยไปในตัว, เหลือบตาขึ้น-ลง,ซ้าย-ขวาไม่ต้องเอี้ยวหน้าตาม, ยืดเหยียดแขนขาเท่าที่จะทำได้

ฟังคลิปเสียง เปิดวิทยุ หรือคลิปเสียงฟังเรื่องสนุก ให้ความรู้ ทำให้เกิดอารมณ์ร่วม มีการโฟกัส ติดตามต่อเนื่องจนลืมง่วง

สูดลมหายใจเข้า-ออกลึก ๆ เติมออกซิเจน เทคนิคนี้ได้ผลมาก โดยหายใจเข้าทางจมูกให้สุดแล้วกลั้นไว้สัก 10 วินาที (จนทนไม่ได้) แล้วผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ เอาให้สุดจนทนไม่ได้ ทำวนซ้ำแบบนี้สัก 10 ครั้ง ช่วยดึงออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง

เติมคาเฟอีน เติมชา กาแฟสักแก้ว หรือเครื่องดื่มอื่นที่มีคาเฟอีน กระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย อย่างไรก็ตามหากอดนอนต่อเนื่องหลายวันคาเฟอีนอาจไม่ได้ผล

ไม่ไหวให้จอดงีบ – ยืดเส้นยืนสาย แวะปั๊มปลอดภัยพักงีบสัก 15 นาที ให้เพื่อนอยู่ยาม(ถ้ามี)ช่วยลดความกังวลและหลับสนิทมากขึ้น เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ยืดเส้นยืดสายแล้วไปต่อ

ก่อนสตาร์ททุกครั้งโปรดสำรวจ เตรียมความพร้อมทั้งรถและคนขับ พยายามนอนให้เพียงพอ หากอดนอนอ่อนเพลียให้ปรับแผนการเดินทางเสียใหม่ เช่น สลับให้คนอื่นมาขับแทน,เปลี่ยนวันเวลาเดินทาง,เปลี่ยนวิธีการเดินทางเป็นต้น เพื่อให้ขับถึงที่หมายโดยปลอดภัย