อดีตทีมชาติญี่ปุ่นร่วมทัพ “ไมค์ ฮาเวนาร์” ค้าแข้งกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด..

อดีตทีมชาติญี่ปุ่นร่วมทัพ “ไมค์ ฮาเวนาร์” ค้าแข้งกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด..

“ลำแข้งเทวดา” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เสริมกองทัพครั้งใหญ่อีกทีด้วยการคว้าตัว ไมค์ ฮาเวนาร์ สมัยก่อนกองหน้าดีกรีกลุ่มชาติประเทศญี่ปุ่น เสริมในตำแหน่งโควต้าทวีปเอเชียสำหรับฤดูหน้าเป็นที่เป็นระเบียบ ข้างหลังเปิดตัวพร้อมเสื้อเลข 9 อย่างเป็นทางการในงานแถลงข่าวบอลเจลีก ทวีปเอเชีย ชาลเลนจ์ 2019 เมื่อตอนเวลาบ่ายก่อนหน้านี้
เมื่อตอนเวลาบ่ายก่อนหน้านี้ (16 เดือนธันวาคม 2561) ที่รีสอร์ทเรเนซองส์ แบ็งคอก พระ

ราชประสงค์ ได้มีการจัดงานแถลงข่าวการประลองบอลฝึกซ้อมทัวร์ทุ่งนาเม้นต์พิเศษรายการเจลีก ทวีปเอเชีย ชาลเลนจ์ 2019 โดยมีการชวนสองกลุ่มยักษ์ใหญ่จากเจลีกมาฟาดลำแข้งกับสองกลุ่มจากไทยลีก 2 แมตช์ร่วมกัน ซึ่งคู่แรกจะเป็นการเจอกันระหว่าง “ปลาฉลามชล” จังหวัดชลบุรี เอฟซี กับ ซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า ที่สนามจังหวัดชลบุรี สเตเดี้ยม ในวันเสาร์ที่ 26 ม.ค. แล้วก็คู่ลำดับที่สองเป็นการเจอกันระหว่าง “ลำแข้งเทวดา” ทรู กางงค็อก ยูไนเต็ด กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ในวันอาทิตย์ที่ 27 เดือนมกราคม ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม

นอกเหนือจากการแถลงข่าวบอลเตรียมพร้อมรายการนี้แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ในงานเป็นการเปิดตัวนักฟุตบอลโควตาทวีปเอเชียคนใหม่ของ ทรู กางงค็อก ยูไนเต็ด ไมค์ ฮาเวนาร์ สมัยก่อนกองหน้ากลุ่มชาติประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผ่านกิจการค้าลำแข้งให้กับสมาพันธ์มีชื่อในเจลีกแล้วก็ยุโรปมาหลายสมาคม โดยเจ้าตัวจะใส่เลขลำดับ 9 ลงล่าตาข่ายให้กับกลุ่มหน้าแข้งเทวดาในช่วงฤดูกาลหน้า

โดยฮาเวนาร์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้สึกตื่นเต้นและก็ดีอกดีใจอย่างยิ่งกับการได้ย้ายมาค้าลำแข้งให้กับสโมรทรู กางงค็อก ยูไนเต็ด เนื่องจากว่านับว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าในชีวิตกิจการค้าลำแข้งของเขา ภายหลังที่เคยผ่านการลงเล่นในเจลีกและก็ลีกชั้นหนึ่งของยุโรปมาแล้วหลายประเทศ เขามั่นใจว่าประสิทธิภาพของบอลไทยลีกกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยซึ่งการย้ายกลุ่มในคราวนี้เขาหวังว่าจะพา ทรู กางงค็อก ยูไนเต็ด ลุ้นในตำแหน่งแชมป์ไทยลีกแล้วก็พาทีมไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มของศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้

สำหรับ ไมค์ ฮาเวนาร์ เดี๋ยวนี้อายุ 31 ปี มีความสูงถึง 194 ซม. ป๊ะป๋าแล้วก็แม่ของเขาเป็นคนฮอลแลนด์แต่กำเนิด แม้กระนั้นจากการที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นทำให้เจ้าตัวได้รับชนชาติประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1994 ฮาเวนาร์เริ่มทางชีวิตการเป็นนักเตะระดับเยาวชนกับกลุ่มคอนซาโดเล ซัปโปโร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ป๋าของเขาเคยค้าลำแข้งด้วย

ก่อนที่จะเริ่มการเป็นนักเตะอาชีพอย่างจริงจิงกับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส จากนั้นเขาผ่านการลงเล่นให้กับหลายสมาคมในประเทศญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น อวิสปา ฟูกูโอกะ , ซางัน โทสุ แล้วก็ เวนท์ฟอเรต์ วัวฟุ รวมทั้ง ยังมีประสบการณ์ในยุโรปกับ วิเทสส์ อาร์เนม และก็ เดน ฮาก รวมทั้ง คอร์โดบ้า ในลาลีกาประเทศสเปนอีกด้วย โดยในช่วงฤดูกาล 2018 เขาลงเล่นให้กับวิสเซล โกเบ ในตอนเลกแรก ก่อนย้ายไปอยู่กับ เวลกันตะ เซนได ด้วยคำสัญญายืมตัวในเลกลำดับที่สอง

เวลาเดียวกันผลงานในระดับกลุ่มชาติเขาเคยผ่านการลงเล่นให้กับกลุ่มชาติประเทศญี่ปุ่นชุดอายุไม่เกิน 20 ปี ทั้งหมดทั้งปวง 7 นัดหมาย ทำเป็น 1 ประตู แล้วก็เคยติดกลุ่มชาติชุดใหญ่ 18 นัดหมาย โดยยิงไป 4 ประตูร่วมกัน รวมทั้งผ่านการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติคอนเฟเดอเรชันส์คัพ ปี 2013 ที่ประเทศบราซิล มาแล้ว

ชีวิตที่พลิกผันของเจ้าหนูเมสซี่ถุงพาสติก มูร์ตาซา อาห์มาดี

ชีวิตที่พลิกผันของเจ้าหนูเมสซี่ถุงพาสติก มูร์ตาซา อาห์มาดี

น่าเวทนาที่เจ้าหนู มูร์ตาซา ไม่ว่างแม้กระทั้งจะถือเสื้อพร้อมลายเซ็นที่ ลิโอเนล เมสซี มอบไว้ให้ข้างหลังจะต้องย้ายถิ่นอย่างเร่งด่วนไปยังคาบูล เมืองหลวงของประเทศและไม่ทราบว่าจะได้กลับไปเมื่อไร

2 ปีนับตั้งแต่มูร์ตาซาแปลงเป็นคนมีชื่อเสียงและก็ได้เจอกับฮีโรตัวจริงเหมือนกับนิยายถึงวันนี้ชีวิตของเจ้าหนูคนนี้ก็กลับเปลี่ยนกันไปไม่น้อย

เรื่องเริ่มขึ้นจากถุงพลาสติก

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 Fanatik สื่อของประเทศตุรกีได้เปิดเผยภาพเด็กน้อยคนหนึ่งใส่เสื้อที่ทำด้วยพลาสติก โดยมีชื่อของเมสซี นักฟุตบอลชื่อก้องโลกและก็เลขลำดับ 10 เขียนไว้ที่กึ่งกลางข้างหลังด้วยปากกาเมจิก ความน่ารักน่าเอ็นดูของหนูน้อย ทำให้ข้างหลังภาพนี้แพร่ออกไปมันได้เปลี่ยนเป็นไวรัลที่ทุกคนเอ๋ยถึง รวมทั้งเป็นจุดกำเนิดสำหรับในการตามหาเด็กที่อยู่ในรูปภาพนี้

@messi10stats แอคเคาท์ทวิตเตอร์ที่เป็นแฟนๆของเมสซี เป็นตั้วโผสำหรับในการตามหาหนูน้อยคนที่ใครๆก็รู้จัก โดยในตอนแรกต่างหลงผิดว่าเป็นเด็กชาวอิรัก ก่อนที่จะในที่สุดจะรู้ดีว่าเด็กผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า มูร์ตาซา อาห์มาดี

โมฮัมหมัด อาริฟ อาห์มาดี บิดาของเขาได้เผยต้นเหตุของเสื้อพลาสติกกับ CNN ว่า ช่วงดึกคืนวันหนึ่ง อยู่ๆมูร์ตาชา ก็ตื่นมาร้องไห้กล่าวว่าต้องการไปพบเมสซี ซึ่งมันเกือบจะไม่มีทางเป็นไปได้กับพวกเขาที่อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญรุ่งเรืองแบบนี้

“ผมบอกเขาว่าพวกเราอยู่ในหมู่บ้านที่แร้นแค้นรวมทั้งทุรกันดารมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะหาเสื้อให้เขาได้” อาริฟกล่าวกับ CNN

“เขาร้องไห้จะเอาเสื้อถัดไปอีกเป็นวันๆจนถึงพี่ชายของเขา ฮามายอน ทำเสื้อขึ้นมาจากถุงก๊อบแก๊บ เขาดีใจมาก ภายหลังใส่เสื้อถุงก๊อบแก๊บนั้น เขาก็หยุดร้องในทันที”

ลีโอเนล เมสซีเป็นไอดอล

การเลี้ยงบอลที่ชำนาญเท้า การผ่านบอลที่แม่น รวมทั้งการทำประตูที่เฉียบคมอีกทั้งซ้ายรวมทั้งขวา ทำให้ เมสซี แปลงเป็นขวัญใจของเด็กทั้งโลก เหมือนกับ มูร์ตาซา

เจ้าหนูถุงก๊อบแก๊บลุ่มหลงดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์มากมาย เหมือนกับการเล่นบอล เขาชอบเตะบอลกับพี่ชายอยู่ตลอด แต่ว่าโชคร้ายที่ประเทศของเขาจำต้องอยู่ในภาวะการเกิดสงครามกลางเมือง ทำให้มูร์ตาซา ไม่มีพื้นที่ที่จะวาดลวดลายเท่าไรนัก

“ผมรักเมสซี เขาเล่นบอลเก่งและก็ผมก็ถูกใจเสื้อที่พี่ชายผมทำให้มากมายๆ” มูร์ตาซากล่าวกับ AFP

“แม้กระนั้นพวกเราไม่สามารถที่จะเล่นบอลในสนามเด็กเล่นใกล้บ้านได้เลย แล้วก็บอลลูกเดียวที่ผมมีก็รั่วไปเสียแล้ว”

“โตขึ้น ผมต้องการจะเป็นราวกับเมสซี”

ภายหลังผู้คนศึกษาและทำการค้นพบว่ามูร์ตาซาเป็นผู้ใด เรื่องราวของเขาก็เปลี่ยนเป็นที่รู้จักไปทั้งโลก มีสื่อล้นหลามพากันมาทำข่าวสาร ก่อนที่จะเรื่องราวของเขาจะมีผลให้ ชมรมบอลอัฟกานิสถาน กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ รวมทั้ง เมสซี ร่วมมือกันมอบเสื้อกลุ่มชาติประเทศอาร์เจนตินา ปักชื่อดาวดังบาร์เซโลนาพร้อมลายเซ็น มอบเป็นของขวัญให้เจ้าตัวในก.พ. 2016

“ผมรักเมสซีแล้วก็เสื้อของผมก็กล่าวว่าเมสซีรักผม” มูร์ตาซากล่าวข้างหลังได้รับเสื้อ

มูร์ตาซา อาห์มาดี

ความสบายของมูร์ตาซาล้นออกมาจากสายตาของเขาในเวลาที่ได้รับเสื้อ เด็กน้อยจากต่างจังหวัดที่ห่างไกลได้โอกาสได้เสื้อพร้อมลายเซ็นจากสตาร์ชื่อก้องโลก เกิดเรื่องที่เกินฝัน แต่เขาก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่มุ่งหมายตลอดมา โน่นเป็นการได้เจอกับ นักฟุตบอลผู้ครอบครองบัลลงดอร์ 5 ยุคตัวเป็นๆ

ช่วงเวลาค่ำคืนที่ไม่มีทางลืม

13 ธ.ค. 2016 ภาพของเด็กน้อยใส่ชุดบาร์เซโลนาอยู่ในอ้อมแขนของเมสซี ด้วยทีท่าอายได้ถูกแพร่ไปสู่สายตาคนทั่วโลก มูร์ซาตา ได้เจอกับไอดอลของเขาจนได้

มูร์ตาซา อาห์มาดี
มูร์ตาซา อาห์มาดี กับ ลีโอเนล เมสซี่

ตรงเวลาแทบปีนับตั้งแต่เรื่องราวของเขามีชื่อเสียง ด้วยความร่วมแรงร่วมมือจากหลายข้าง ความฝันของหนูน้อยถุงก๊อบแก๊บก็เป็นจริง เมื่อเขาได้รับเชื้อเชิญจากเมสซี มาดูเกมกระชับมิตรระหว่าง บาร์เซโลนา กับ อัล อาห์ลี ที่จัดขึ้นที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์

ก่อนเกมจะเริ่มหนูน้อยเข้ากอดกับเมสซีอย่างสนิทแน่นรวมทั้งดูสตาร์คนอาร์เจนตินาแบบไม่วางตาราวกลัวว่าไอดอลของเขาจะหายไปไหน นอกเหนือจากนั้นเขายังได้โอกาสได้เป็นมาสค็อตของกลุ่มบาร์เซโลนาจับมือเมสซีเข้าสนาม และก็นำบอลไปตั้งที่วงกลมกึ่งกลางสนามอีกด้วย

ข้างหลังเสร็จภารกิจ แทนที่จะเดินออกมาจากสนามไป เขากลับวิ่งไปโอบกอดเมสซีอีกรอบ แปลงเป็นภาพน่ารักน่าเอ็นดูที่เรียกเสียงตบมือไปทั่วสนาม ก่อนที่จะสุดท้ายผู้ตัดสินจะเป็นคนอุ้มหนูน้อยออกไป แต่ว่าในเวลาเดียวกันเจ้าตัวก็มองดูไอดอลของเขาอย่างไม่ละสายตา เปลี่ยนเป็นโมเมนต์ที่น่าประทับใจ

เรื่องราวของหนูน้อยมูร์ตาซา เสมือนจะจบลงอย่างแฮปปี้ เอ็นดิง เมื่อเขาได้เจอกับฮีโรตัวเป็นๆอย่างใกล้ชิด แต่ทว่าชีวิตต่อไปกลับต่างออกไป

ชีวิตที่ถดถอยอย่างเต็มที่

ถ้าหากมองดูด้วยสายตาบุคคลภายนอก ชีวิตของมูร์ตาซา เกือบจะไม่ได้ต่างอะไรจากในนิยาย เด็กน้อยจากประเทศการสู้รบที่ดังขึ้นในเวลาเลวข้ามคืน จนได้เจอกับซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลกที่เป็นไอดอลของตนเอง – แม้กระนั้นสำหรับครอบครัวกลับไม่ใช่

ข้างหลังเรื่องราวของเจ้าหนูถุงก๊อบแก๊บมีชื่อเสียงไปทั้งโลก เขาได้กลายเป็นเป้าของอีกทั้ง กรุ๊ปมาเฟียแคว้นแล้วก็องค์การก่อการร้าย ครอบครัวอาห์มาดีจำเป็นต้องพบกับการข่มขู่ทำให้รู้สึกกลัวมาหลายแบบ

“ไม่กี่วันก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากมาเฟียแคว้นเขารู้สึกว่าตั้งแต่พวกเราได้เสื้อจากเมสซี พวกเราคงจะได้เงินมาด้วยพวกเขาอยากได้ส่วนแบ่งนั้น” อาริฟกล่าวกับ BBC

ชีวิตที่จำเป็นต้องอกสั่นขวัญแขวน ระแวงผู้คนเปลี่ยนเป็นสิ่งบันทอนครอบครัวของอาห์มาดีให้ห่วยลง จนถึงทำให้อาริฟ ผู้นำครอบครัวตกลงใจย้ายถิ่นครอบครัวไปยังที่ปลอดภัยกว่าที่กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ก่อนที่จะย้ายไปอยู่เมืองเควตตาต่อจากนั้น

“ผมจะต้องขายทรัพย์สมบัติทุกๆอย่างที่มีรวมทั้งพาครอบครัวออกมาจากอัฟกานิสถานเพื่อรักษาชีวิตลูกชายและก็ชีวิตสมาชิกในครอบครัวของพวกเรา” อาริฟกล่าวกับ ITV

“ชีวิตของพวกเรากลายเป็นตรากตรำไปเลย”

มูร์ตาซา อาห์มาดี

อย่างไรก็แล้วแต่ ประเทศปากีสถาน ก็เป็นเพียงแค่บ้านพักอิงชั่วครั้งชั่วคราวของครอบครัวอาห์มาดี พวกเขาไม่มีอนาคตตรงนี้ ข้างหลังเงินหมดพวกเขาก็เลยตกลงใจย้ายกลับมาที่เมืองกาซนี รัฐอิสลามอัฟกานิสถานอีกที

หากแม้เวลาจะผ่านไปแต่ว่าเหตุการณ์ของการรบในประเทศก็ยังมิได้ดียิ่งขึ้น สลับกันมันยิ่งไม่ดีลงไปเมื่อ มูร์ตาซา แปลงเป็นจุดหมายหัวของกรุ๊ปตาลีบัน กรุ๊ปผู้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงสุดชั่วร้าย จนกระทั่งทำให้พวกเขาจำเป็นต้องย้ายถิ่นอย่างเร่งด่วน ไม่ว่างแม้ว่าจะเก็บสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงเสื้อที่เมสซี มอบให้กับ มูร์ตาซา

“ฉันไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดตั้งแต่เขาดังตาลีบันถึงอยากได้ตัวเขาพวกเขากล่าวว่าถ้าหากจับกุมเขาได้ จะหั่นเป็นชิ้นๆ” ชาฟิเกาะห์ อาห์มาดีแม่ของมูร์ตาซากล่าวกับ itv

“พวกเราไม่สามารถที่จะเอาอะไรมาด้วยได้เลยพวกเราจำต้องทิ้งทั้งหมดทุกอย่างไว้เพื่อรักษาชีวิต” ฮามายอนผู้เป็นพี่ชายเสริม

“ฉันไม่อยากที่จะให้มูร์ตาซาเป็นคนมีชื่อเสียงแบบงี้เลยมันก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ให้กับพวกเรารวมทั้งเขา” ชาฟิเกาะห์ ตบท้าย