น่าเวทนาที่เจ้าหนู มูร์ตาซา ไม่ว่างแม้กระทั้งจะถือเสื้อพร้อมลายเซ็นที่ ลิโอเนล เมสซี มอบไว้ให้ข้างหลังจะต้องย้ายถิ่นอย่างเร่งด่วนไปยังคาบูล เมืองหลวงของประเทศและไม่ทราบว่าจะได้กลับไปเมื่อไร
2 ปีนับตั้งแต่มูร์ตาซาแปลงเป็นคนมีชื่อเสียงและก็ได้เจอกับฮีโรตัวจริงเหมือนกับนิยายถึงวันนี้ชีวิตของเจ้าหนูคนนี้ก็กลับเปลี่ยนกันไปไม่น้อย
เรื่องเริ่มขึ้นจากถุงพลาสติก
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 Fanatik สื่อของประเทศตุรกีได้เปิดเผยภาพเด็กน้อยคนหนึ่งใส่เสื้อที่ทำด้วยพลาสติก
โดยมีชื่อของเมสซี นักฟุตบอลชื่อก้องโลกและก็เลขลำดับ 10
เขียนไว้ที่กึ่งกลางข้างหลังด้วยปากกาเมจิก ความน่ารักน่าเอ็นดูของหนูน้อย
ทำให้ข้างหลังภาพนี้แพร่ออกไปมันได้เปลี่ยนเป็นไวรัลที่ทุกคนเอ๋ยถึง
รวมทั้งเป็นจุดกำเนิดสำหรับในการตามหาเด็กที่อยู่ในรูปภาพนี้
@messi10stats แอคเคาท์ทวิตเตอร์ที่เป็นแฟนๆของเมสซี
เป็นตั้วโผสำหรับในการตามหาหนูน้อยคนที่ใครๆก็รู้จัก
โดยในตอนแรกต่างหลงผิดว่าเป็นเด็กชาวอิรัก
ก่อนที่จะในที่สุดจะรู้ดีว่าเด็กผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า มูร์ตาซา อาห์มาดี
โมฮัมหมัด อาริฟ อาห์มาดี
บิดาของเขาได้เผยต้นเหตุของเสื้อพลาสติกกับ CNN ว่า ช่วงดึกคืนวันหนึ่ง อยู่ๆมูร์ตาชา
ก็ตื่นมาร้องไห้กล่าวว่าต้องการไปพบเมสซี ซึ่งมันเกือบจะไม่มีทางเป็นไปได้กับพวกเขาที่อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญรุ่งเรืองแบบนี้
“ผมบอกเขาว่าพวกเราอยู่ในหมู่บ้านที่แร้นแค้นรวมทั้งทุรกันดารมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะหาเสื้อให้เขาได้” อาริฟกล่าวกับ CNN
“เขาร้องไห้จะเอาเสื้อถัดไปอีกเป็นวันๆจนถึงพี่ชายของเขา
ฮามายอน ทำเสื้อขึ้นมาจากถุงก๊อบแก๊บ เขาดีใจมาก ภายหลังใส่เสื้อถุงก๊อบแก๊บนั้น
เขาก็หยุดร้องในทันที”
ลีโอเนล เมสซีเป็นไอดอล
การเลี้ยงบอลที่ชำนาญเท้า การผ่านบอลที่แม่น
รวมทั้งการทำประตูที่เฉียบคมอีกทั้งซ้ายรวมทั้งขวา ทำให้ เมสซี
แปลงเป็นขวัญใจของเด็กทั้งโลก เหมือนกับ มูร์ตาซา
เจ้าหนูถุงก๊อบแก๊บลุ่มหลงดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์มากมาย
เหมือนกับการเล่นบอล เขาชอบเตะบอลกับพี่ชายอยู่ตลอด
แต่ว่าโชคร้ายที่ประเทศของเขาจำต้องอยู่ในภาวะการเกิดสงครามกลางเมือง
ทำให้มูร์ตาซา ไม่มีพื้นที่ที่จะวาดลวดลายเท่าไรนัก
“ผมรักเมสซี เขาเล่นบอลเก่งและก็ผมก็ถูกใจเสื้อที่พี่ชายผมทำให้มากมายๆ” มูร์ตาซากล่าวกับ AFP
“แม้กระนั้นพวกเราไม่สามารถที่จะเล่นบอลในสนามเด็กเล่นใกล้บ้านได้เลย
แล้วก็บอลลูกเดียวที่ผมมีก็รั่วไปเสียแล้ว”
“โตขึ้น ผมต้องการจะเป็นราวกับเมสซี”
ภายหลังผู้คนศึกษาและทำการค้นพบว่ามูร์ตาซาเป็นผู้ใด
เรื่องราวของเขาก็เปลี่ยนเป็นที่รู้จักไปทั้งโลก มีสื่อล้นหลามพากันมาทำข่าวสาร
ก่อนที่จะเรื่องราวของเขาจะมีผลให้ ชมรมบอลอัฟกานิสถาน
กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ รวมทั้ง เมสซี
ร่วมมือกันมอบเสื้อกลุ่มชาติประเทศอาร์เจนตินา ปักชื่อดาวดังบาร์เซโลนาพร้อมลายเซ็น
มอบเป็นของขวัญให้เจ้าตัวในก.พ. 2016
“ผมรักเมสซีแล้วก็เสื้อของผมก็กล่าวว่าเมสซีรักผม” มูร์ตาซากล่าวข้างหลังได้รับเสื้อ
ความสบายของมูร์ตาซาล้นออกมาจากสายตาของเขาในเวลาที่ได้รับเสื้อ
เด็กน้อยจากต่างจังหวัดที่ห่างไกลได้โอกาสได้เสื้อพร้อมลายเซ็นจากสตาร์ชื่อก้องโลก
เกิดเรื่องที่เกินฝัน แต่เขาก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่มุ่งหมายตลอดมา
โน่นเป็นการได้เจอกับ นักฟุตบอลผู้ครอบครองบัลลงดอร์ 5 ยุคตัวเป็นๆ
ช่วงเวลาค่ำคืนที่ไม่มีทางลืม
13 ธ.ค. 2016
ภาพของเด็กน้อยใส่ชุดบาร์เซโลนาอยู่ในอ้อมแขนของเมสซี ด้วยทีท่าอายได้ถูกแพร่ไปสู่สายตาคนทั่วโลก
มูร์ซาตา ได้เจอกับไอดอลของเขาจนได้
มูร์ตาซา อาห์มาดี กับ ลีโอเนล เมสซี่
ตรงเวลาแทบปีนับตั้งแต่เรื่องราวของเขามีชื่อเสียง
ด้วยความร่วมแรงร่วมมือจากหลายข้าง ความฝันของหนูน้อยถุงก๊อบแก๊บก็เป็นจริง
เมื่อเขาได้รับเชื้อเชิญจากเมสซี มาดูเกมกระชับมิตรระหว่าง บาร์เซโลนา กับ อัล
อาห์ลี ที่จัดขึ้นที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์
ก่อนเกมจะเริ่มหนูน้อยเข้ากอดกับเมสซีอย่างสนิทแน่นรวมทั้งดูสตาร์คนอาร์เจนตินาแบบไม่วางตาราวกลัวว่าไอดอลของเขาจะหายไปไหน
นอกเหนือจากนั้นเขายังได้โอกาสได้เป็นมาสค็อตของกลุ่มบาร์เซโลนาจับมือเมสซีเข้าสนาม
และก็นำบอลไปตั้งที่วงกลมกึ่งกลางสนามอีกด้วย
ข้างหลังเสร็จภารกิจ
แทนที่จะเดินออกมาจากสนามไป เขากลับวิ่งไปโอบกอดเมสซีอีกรอบ
แปลงเป็นภาพน่ารักน่าเอ็นดูที่เรียกเสียงตบมือไปทั่วสนาม
ก่อนที่จะสุดท้ายผู้ตัดสินจะเป็นคนอุ้มหนูน้อยออกไป
แต่ว่าในเวลาเดียวกันเจ้าตัวก็มองดูไอดอลของเขาอย่างไม่ละสายตา
เปลี่ยนเป็นโมเมนต์ที่น่าประทับใจ
เรื่องราวของหนูน้อยมูร์ตาซา
เสมือนจะจบลงอย่างแฮปปี้ เอ็นดิง เมื่อเขาได้เจอกับฮีโรตัวเป็นๆอย่างใกล้ชิด
แต่ทว่าชีวิตต่อไปกลับต่างออกไป
ชีวิตที่ถดถอยอย่างเต็มที่
ถ้าหากมองดูด้วยสายตาบุคคลภายนอก ชีวิตของมูร์ตาซา
เกือบจะไม่ได้ต่างอะไรจากในนิยาย
เด็กน้อยจากประเทศการสู้รบที่ดังขึ้นในเวลาเลวข้ามคืน
จนได้เจอกับซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลกที่เป็นไอดอลของตนเอง –
แม้กระนั้นสำหรับครอบครัวกลับไม่ใช่
ข้างหลังเรื่องราวของเจ้าหนูถุงก๊อบแก๊บมีชื่อเสียงไปทั้งโลก
เขาได้กลายเป็นเป้าของอีกทั้ง กรุ๊ปมาเฟียแคว้นแล้วก็องค์การก่อการร้าย
ครอบครัวอาห์มาดีจำเป็นต้องพบกับการข่มขู่ทำให้รู้สึกกลัวมาหลายแบบ
“ไม่กี่วันก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากมาเฟียแคว้นเขารู้สึกว่าตั้งแต่พวกเราได้เสื้อจากเมสซี พวกเราคงจะได้เงินมาด้วยพวกเขาอยากได้ส่วนแบ่งนั้น” อาริฟกล่าวกับ BBC
ชีวิตที่จำเป็นต้องอกสั่นขวัญแขวน
ระแวงผู้คนเปลี่ยนเป็นสิ่งบันทอนครอบครัวของอาห์มาดีให้ห่วยลง จนถึงทำให้อาริฟ
ผู้นำครอบครัวตกลงใจย้ายถิ่นครอบครัวไปยังที่ปลอดภัยกว่าที่กรุงอิสลามาบัด
ประเทศปากีสถาน ก่อนที่จะย้ายไปอยู่เมืองเควตตาต่อจากนั้น
“ผมจะต้องขายทรัพย์สมบัติทุกๆอย่างที่มีรวมทั้งพาครอบครัวออกมาจากอัฟกานิสถานเพื่อรักษาชีวิตลูกชายและก็ชีวิตสมาชิกในครอบครัวของพวกเรา” อาริฟกล่าวกับ ITV
“ชีวิตของพวกเรากลายเป็นตรากตรำไปเลย”
อย่างไรก็แล้วแต่ ประเทศปากีสถาน
ก็เป็นเพียงแค่บ้านพักอิงชั่วครั้งชั่วคราวของครอบครัวอาห์มาดี
พวกเขาไม่มีอนาคตตรงนี้ ข้างหลังเงินหมดพวกเขาก็เลยตกลงใจย้ายกลับมาที่เมืองกาซนี
รัฐอิสลามอัฟกานิสถานอีกที
หากแม้เวลาจะผ่านไปแต่ว่าเหตุการณ์ของการรบในประเทศก็ยังมิได้ดียิ่งขึ้น
สลับกันมันยิ่งไม่ดีลงไปเมื่อ มูร์ตาซา แปลงเป็นจุดหมายหัวของกรุ๊ปตาลีบัน
กรุ๊ปผู้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงสุดชั่วร้าย
จนกระทั่งทำให้พวกเขาจำเป็นต้องย้ายถิ่นอย่างเร่งด่วน
ไม่ว่างแม้ว่าจะเก็บสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงเสื้อที่เมสซี มอบให้กับ มูร์ตาซา
“ฉันไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดตั้งแต่เขาดังตาลีบันถึงอยากได้ตัวเขาพวกเขากล่าวว่าถ้าหากจับกุมเขาได้ จะหั่นเป็นชิ้นๆ” ชาฟิเกาะห์ อาห์มาดีแม่ของมูร์ตาซากล่าวกับ itv
“พวกเราไม่สามารถที่จะเอาอะไรมาด้วยได้เลยพวกเราจำต้องทิ้งทั้งหมดทุกอย่างไว้เพื่อรักษาชีวิต” ฮามายอนผู้เป็นพี่ชายเสริม
“ฉันไม่อยากที่จะให้มูร์ตาซาเป็นคนมีชื่อเสียงแบบงี้เลยมันก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ให้กับพวกเรารวมทั้งเขา” ชาฟิเกาะห์ ตบท้าย