ต้องยอมรับว่าการทำงานออฟฟิศในปัจจุบันมีภาวะความเครียดสูง เพราะต้องรีบเร่งแข่งกับเวลาในการทำงานให้ตรงใจลูกค้า และยังต้องแข่งกับบริษัทอื่นที่มีกลุ่มลูกค้าเดียวกัน ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูงด้วย
วิธีลดความเครียดในการทำงานออฟฟิศ
1. มีการวางแผนลำดับงาน
การทำงานจะไม่ต้องเร่งมากเกินไป หากมีการวางแผนงานก่อนล่วงหน้าอย่างเหมาะสม แนะนำว่าในช่วงเวลาก่อนนอนของแต่ละวัน ต้องทำตารางลำดับความสำคัญของงานไว้ล่วงหน้า ว่าสิ่งใดควรเร่งทำก่อน สิ่งใดทำทีหลังได้ เพื่อให้งานที่ต้องใช้กำลังความคิดมากๆ ทำในช่วงเช้าที่สมองแจ่มใส เพื่อให้มีโอกาสผิดพลาดน้อยที่สุดและทำให้รู้สึกกดดันน้อยลง
2. การแสดงความเห็นร่วมกัน
มีการศึกษาพบว่าหากทำงานในออฟฟิศที่มีวัฒนธรรมให้ทุกคนแบ่งปันความเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้อย่างอิสระ จะทำให้คนทำงานออฟฟิศที่เป็นคนรุ่นใหม่อายุ 20-28 ปี มีความสุขในการทำงานและลดความเครียดได้มากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากเจ้านาย หัวหน้าทีมบริหารจัดการ และลูกน้องทุกคนที่จะร่วมสร้างเวทีแสดงความเห็นในออฟฟิศที่ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด แต่เป็นไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของทีมที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหรือผู้จ้างงานมากที่สุด
3. มีสิ่งอำนวยความสะดวกในบริษัท
การมีสิ่งอำนวยความสะดวกจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเสริมคุณภาพชีวิตของคนทำงาน เช่น พนักงานที่จำเป็นต้องยกของหนัก ควรสวมใส่ชุดที่พยุงหลัง เพื่อป้องกันโรคกระดูกเสื่อม พนักงานที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ เช่น นักออกแบบภาพกราฟิก ควรมีเก้าอี้ปรับระดับได้และมีแผ่นกรองแสงเพื่อที่จะลดปัญหาวุ้นตาเสื่อมในระยะยาว การมีอุปกรณ์ตัวช่วยเหล่านี้จะทำให้ทุกคนทำงานได้ดีขึ้น และลดความเครียดทั้งใจและกาย เมื่อต้องทำงานต่อเนื่องเป็นประจำด้วย
4. มีการกินเลี้ยงภายในออฟฟิศบ้าง
การทำงานออฟฟิศมักมีเรื่องกระทบกระทั่งเป็นระยะ อาจทำให้ความสัมพันธ์ในระยะยาวของทีมกระท่อนกระแท่น จึงส่งผลให้มีคนลาออกบ่อยๆ ทำให้บริษัทไม่สามารถพัฒนาได้ต่อเนื่อง การจัดเลี้ยงเล็กๆ หลังปิดโครงงานเป็นระยะๆ จะช่วยให้ทุกคนได้ปรับความเข้าใจกัน ทำให้ลดความเครียด และยังทำให้การทำงานชิ้นต่อๆ ไปราบรื่นมากขึ้นด้วย
จะเห็นได้ว่า การทำงานในออฟฟิศได้อย่างมีความสุข จะต้องนำวิธีบริหารจัดการเพื่อลดความเครียดในหลาย ๆ รูปแบบมาผสมผสานกัน หากทำได้สม่ำเสมอจะทำให้ทุกคนมีสุขภาพกายและใจที่ดี มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางที่ดีให้ทุกคนนำไปปรับใช้กับการทำงานออฟฟิศได้อย่างมีความสุข